Luxury to Nature

Luxury to Nature
ตราตรึงสัมผัสอ้อมกอดของธรรมชาติ

อิ่มเอมใจกับธรรมชาติอันสุดสมบูรณ์ของเมืองไทย ออกไปเที่ยว ไปสัมผัส และดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติมอบให้ ไม่ว่าจะเป็นผืนดิน ต้นหญ้า ป่าเขา สายน้ำ และท้องทะเล ล้วนยิ่งใหญ่ สวยตรึงใจไม่รู้ลืม

ผาช่อ จ.เชียงใหม่

ที่ “ผาช่อ” ไปถึงแล้วก็เหมือนหลุดเข้าไปในโลกอีกใบ ยืนมองความน่าอัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ จากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอันน่าทึ่ง เปลี่ยนเนินเขาที่ลาดชันให้กลายมาเป็นหน้าผาดินและเสาดินรูปร่างแปลกตามากมาย ความสูงของหน้าผาดินราวๆ 30 เมตร ที่ตั้งตระหง่านให้คนตัวเล็กๆ ได้เงยหน้าขึ้นมอง

ระหว่างเส้นทางเดินเข้าไปยังด้านใน ลัดเลาะผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินขึ้นบ้างลงบ้าง ก่อนจะเจอความยิ่งใหญ่ของผาช่อ ที่มีลักษณะการกัดเซาะหน้าดินออกมาเป็นช่อเป็นชั้น ยิ่งยืนมองก็ยิ่งเห็นความสามารถของธรรมชาติที่ผ่านมาหลายล้านปี ก่อกำเนิดเป็นผาช่อที่เราได้เห็นในทุกวันนี้

Doi Tung Tree Top Walk จ.เชียงราย

เดินลอยล่องเหนือผืนป่าเขียวขจี กับเส้นทางเดินบนยอดไม้ที่ “ดอยตุง” บริเวณสวนแม่ฟ้าหลวง หลังจากเดินชมไม้ดอกไม้ประดับสีสันสวยงามจนเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาของการผจญภัยในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่มีความสูงกว่า 40 เมตร ด้วยระยะทางราว 300 เมตร

ความตื่นเต้นเร้าใจเริ่มต้นตั้งแต่ก้าวแรกบนสะพานที่โยกไปมาตลอดเวลา แต่รับประกันความปลอดภัยด้วยชุดเซฟตี้ และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลตลอดเส้นทาง พอเริ่มจับทางและทรงตัวได้ ก็มองออกไปรอบๆ ตัว จะเห็นต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่รายล้อมตัว หากมองออกไปก็จะเห็นขุนเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหน้า สูดอากาศดีๆ ให้เต็มปอด

น้ำตกทีลอซู จ.ตาก

“น้ำตกทีลอซู” ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในเมืองไทย เส้นทางการเข้าไปสู่น้ำตกก็นับว่าสมบุกสมบันพอสมควร ในช่วงหน้าแล้ง สามารถขับรถโฟร์วีลเข้าไปที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง แล้วเดินเท้าต่อไปอีกไม่ไกลมาก ส่วนการเดินทางเข้าสู่น้ำตกอีกทางคือ การล่องเรือยางมาตามลำน้ำแม่กลอง ผ่านน้ำตกทีลอจ่อ แล้วมาที่น้ำตกทีลอซู ซึ่งเส้นทางนี้จะได้สัมผัสธรรมชาติและป่าเขาอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง

ความอลังการของน้ำตกทีลอซู เกิดจากลำห้วยกล้อทอที่อยู่ด้านบน ไหลมารวมกันและตกลงมายังช่องเขาขาดที่สูงประมาณ 300 เมตร กว้างประมาณ 500 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ท่ามกลางขุนเขาและแมกไม้ที่เขียวขจี  เกิดเป็นภาพสวยงามของน้ำตก สร้างความเย็นฉ่ำชื่นใจให้กับคนที่เข้ามาชม

ภูลังกา จ.พะเยา

ภาพทะเลหมอกสวยๆ ที่ลอยไหลเอื่อยๆ ระหว่างหุบเขาแอ่งกระทะ เป็นภาพงามๆ ของ “ภูลังกา” ที่หลายคนอยากไปพบเจอด้วยตัวเอง และนับว่าเป็นอีกสัญลักษณ์ของจังหวัดพะเยาที่ชวนให้ใครๆ ก็หลงรัก

บนยอดภูลังกา ต้องนั่งรถโฟร์วีลและเดินเท้าต่อขึ้นไป ซึ่งจะได้สัมผัสกับยอดภูสองลูก คือ ภูนม และภูลังกา ด้านบนเป็นป่าทุ่งหญ้าโล่งๆ ที่สามารถชมวิวไปรอบๆ ทั้งช่วงกลางวัน ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตก รวมถึงจุดชมทะเลหมอกสวยๆ ยามเช้า

กับอีกจุดชมทะเลหมอกของภูลังกาก็ต้องที่ “ภูลังการีสอร์ท” ทะเลหมอกยามเช้าตรู่ กับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ส่องสะท้อนออกมาเป็นสีเหลืองทองระเรื่อ ช่างตัดกับความเขียวขจีของภูเขาด้านหลัง ตื่นแต่เช้ามารับความสดชื่นของธรรมชาติรอบๆ ตัว เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่มีความสุขแบบเต็มอิ่ม

ภูทอก จ.เลย

ยามเช้าที่ริมฝั่งโขงของจังหวัดเลย หากอยากจะชมทะเลหมอกสุดฟินก็ต้องที่ “ภูทอก” ที่อยู่ไม่ไกลจากเชียงคาน บนภูทอกที่มีความหมายว่าภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นจุดชมทะเลหมอกยอดฮิตของคนที่มาเที่ยวเชียงคาน บนภูทอกไม่อนุญาตให้ขับรถขึ้นมาเอง ต้องจอดไว้ด้านล่างแล้วนั่งรถกระบะที่มีให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว

ในช่วงเช้าตรู่ขึ้นไปยืนรอชมพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อนๆ ค่อยๆ ส่องสว่างให้เห็นทะเลหมอกที่อยู่เบื้องหน้า รวมถึงวิวทิวทัศน์ของเมืองเชียงคานที่ปกคลุมด้วยหมอกสีขาว และลำน้ำโขงที่ไหลผ่านแนบชิดเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เป็นภาพยามเช้าที่งดงามราวกับภาพเขียน และมีเพียงธรรมชาติเท่านั้นที่สร้างสรรค์ได้

สามพันโบก จ.อุบลราชธานี

อีกหนึ่งความน่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่จะความงดงามจะปรากฏโฉมออกมาให้ชมในยามหน้าแล้ง เมื่อลำน้ำโขงลดระดับลง “สามพันโบก” แนวโขดหิน ผาหิน โบกหินที่ซุกซ่อนอยู่ใต้น้ำก็จะโผล่มาให้ชื่นชม กระแสน้ำที่พัดพาก้อนกรวด หิน ทราย เศษไม้ กัดเซาขัดแผ่นหินทรายที่อยู่ใต้น้ำให้เกิดหลุมแอ่งต่างๆ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่เป็นรูปร่างต่างๆ

ประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ทำให้พื้นที่โบกหินราว 10 ตารางกิโลเมตรนั้นมีความสวยงามแปลกตา ไฮไลท์อยู่ที่ สระมรกต โบกขนาดยักษ์กลางลานหิน ไม่ว่าฤดูไหนน้ำในนี้ก็จะเป็นสีเขียวมรกต นอกจากนี้ยังมีโบกรูปหัวใจ โบกมิกกี้เม้าส์ สะพานหิน ฯลฯ ที่ยังรอให้ไปเก็บภาพประทับใจ ยิ่งในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และพระอาทิตย์ตกยามเย็น แสงอาทิตย์ก็จะขับเน้นให้ความงามของสามพันโบกยิ่งโดดเด่นออกมา

ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี

ในราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นเวลาของ “ทะเลบัวแดง” ที่หนองหาน จังหวัดอุดรธานี ซึ่งบัวสาย หรือ บัวแดง จะเบ่งบานชูช่ออวดสีสันสดใส ดึงดูดใจให้คนจากทั่วสารทิศมายลความงดงามในยามเช้าตรู่ ธรรมชาติเนรมิตให้ดอกไม้สีสวยออกดอกบานพร้อมๆ กัน เป็นสีชมพูสะพรั่งละลานตาเต็มท้องน้ำ ทำให้หนองหานกลายเป็นแหล่งชมทุ่งดอกไม้ ท่ามกลางบึงน้ำจืดที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายด้านชีวภาพ

การล่องเรือออกไปชมทะเลบัวแดง ต้องออกไปชมตั้งแต่เช้ามืด เนื่องจากดอกบัวจะเบ่งบานสวยงามในยามเช้า ล่องเรือออกไปกลางหนองหาน รอชมแสงแรกท่ามกลางทะเลบัวแดง พร้อมกับภาพนกฝูงใหญ่ที่ออกหากินในช่วงเช้า และลมพัดเย็นสบาย อากาศบริสุทธิ์สดชื่นที่สูดได้เต็มปอด

ลานตะบูน จ.ตราด

รากของต้นตะบูนที่เลื้อยแผ่กว้างถักทอเป็นคลื่นสานกันอยู่เหนือผืนดิน กลายเป็นความมหัศจรรย์ของ “ลานตะบูน” ที่อยู่ในชุมชนท่าระแนะ จังหวัดตราด พื้นที่ป่าชายเลนกว้างใหญ่นับพันไร่ยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยการร่วมมือกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติของชาวชุมชน

นั่งเรือล่องออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าไปเจอลานต้นตะบูนที่อยู่ด้านในป่าชายเลน ท่ามกลางบรรยากาศร่มครึ้มของป่าที่ดูลึกลับราวกับเทพนิยาย แสงแดดจะสาดส่องผ่านใบไม้ลงมาด้านล่าง ให้ความสว่างเป็นช่วงๆ ส่องให้รากตะบูนดูโดดเด่นและงดงามมากขึ้นอีก

ลานหินสีชมพู จ.จันทบุรี

เดินชมธรรมชาติแบบหวานๆ เพราะที่นี่คือ “ลานหินสีชมพู” อยู่ในเขตห้าล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี ระยะทางราว 1 กิโลเมตร มีทั้งการเดินขึ้นเขาเข้าป่า ไปที่จุดชมวิวด้านบน และเดินลัดเลาะไปตามโขดหินสีชมพู ซึ่งเส้นทางนี้เป็นวงกลม จะเดินขึ้นเขาก่อนหรือเดินตามโขดหินก่อนก็ได้

ลานหินสีชมพู เป็นโขดหินที่อยู่ตามริมหาดและริมทะเล หินบริเวณนี้เป็นหินทรายที่มีส่วนผสมของแร่เหล็กจึงทำให้หินมีสีแดงอมชมพู ยิ่งถ้าแดดแรงๆ ส่องลงมาก็จะยิ่งเป็นสีชมพูสดใสเจิดจ้า ถ่ายรูปแล้วสวยสุดใจในทุกมุมมอง แต่ด้วยธรรมชาติของทะเล ใครจะมาก็ควรเช็คเวลาน้ำขึ้นน้ำลงก่อน เพราะในช่วงที่น้ำขึ้นสูงจะเดินลัดเลาะโขดหินลำบาก อีกอย่างที่ต้องเตรียมคือรองเท้าหุ้มส้นสวมสบาย อุปกรณ์กันแดด และน้ำดื่ม เพราะต้องปีนป่ายโขดหินเป็นบางช่วง และบริเวณลานหินสีชมพูไม่มีที่ร่มให้หลบแดด

ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

ความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนบริเวณปากน้ำประแส จังหวัดระยอง ก่อกำเนิดความงดงามกว้างใหญ่อย่าง “ทุ่งโปรงทอง” ที่ขึ้นอยู่แน่นขนัด ก่อนจะไปถึงทุ่งโปรงทองต้องเดินบนทางเดินไม้ ผ่านป่าชายเลนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยพืชพันธุ์หลากชนิด

พอโผล่พ้นป่าโกงกางออกมาก็จะเจอทุ่งโปรงทอง ที่มีเสน่ห์อยู่ตรงใบของต้นโปรงสีเขียวอมเหลืองสดใส พออยู่รวมกันจำนวนมากๆ ก็ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นท้องทุ่งสีเขียวอมเหลืองสว่างไสว ยิ่งมีแสงแดดสาดส่องลงมาก็ยิ่งดึงสีเหลืองให้โดดเด่นขึ้นมาสมกับชื่อทุ่งโปรงทอง จะยืนถ่ายรูปจุดไหนมุมใดก็ดูสวยไปทั้งหมด เสร็จจากจุดนี้แล้วก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่เดินออกไปได้จนถึงชายทะเล

บางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ

พื้นที่สีเขียวกว้างใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดอย่าง “บางกระเจ้า” หากมองจากมุมสูงก็จะเห็นรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ประกอบด้วยพื้นที่ 6 ตำบล ของอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยพื้นที่สีเขียวของที่นี่ มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น มีความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้บางกระเจ้ากลายเป็นแหล่งฟอกอากาศบริสุทธิ์ จนได้รับการเรียกขานว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ

กิจกรรมเด่นๆ ในบางกระเจ้า ต้องยกให้การปั่นจักรยานชมวิวไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงวันหยุด หลายๆ คนเลือกที่จะมาปั่นจักรยานชมธรรมชาติกันที่นี่ ระหว่างเส้นทางก็ผ่านทั้งชุมชนต่างๆ วัด สวนสาธารณะ ตลาดน้ำ มีจุดให้แวะพักเหนื่อย และนั่งเล่นชิลๆ ตามร้านอาหารและคาเฟ่ 

แม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี

สัมผัสความสดชื่นของสายน้ำที่ “แม่น้ำแควน้อย” จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยการล่องเรือหรือล่องแพ ชมวิถีชีวิตสองฝั่งน้ำ รวมถึงธรรมชาติเขียวขจีของป่าเขา โดยเฉพาะในช่วงอำเภอไทรโยค หากใครมาพักผ่อนที่รีสอร์ทในบริเวณนี้ก็มักจะมีกิจกรรมล่องเรือ หรือล่องแพเปียกด้วย

ถ้าชอบบรรยากาศความเงียบสงบของป่าเขาและสายน้ำ แนะนำการมาพักแพริมน้ำ สัมผัสความเงียบสงบที่เหมาะกับการมาพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง นอนพักสบายๆ ในยามค่ำคื่น ตื่นมาแต่เช้าตรู่รับอากาศสดชื่น ท่ามกลางหมอกบางๆ ที่เกิดจากความชื้นในอากาศลอยอยู่เหนือแม่น้ำแควน้อย ใครเป็นสายกิจกรรมต้องลองมาล่องแพเปียก หรือพายเรือแคนูออกกำลังกายแขนล่องไปตามสายน้ำเย็นฉ่ำ

ยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี

ออกไปกอดท้องฟ้า บนยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ “ยอดเขาเทวดา” ภายในอุทยานแห่งชาติพุเตย ใครจะมาที่นี่ต้องฟิตร่างกายกันหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นเขา เข้าป่า นอนกางเต็นท์ เริ่มต้นจากการเข้ามาที่อุทยานแห่งชาติพุเตย นั่งรถโฟร์วีลมาที่จุดกางเต็นท์ นอนพักผ่อนเอาแรง หรือใครที่ชอบดูดาวก็ออกมาชมความงามระยิบระยับในยามค่ำคืน

พอถึงช่วงเช้ามืด ก็ออกเดินทางจากเชิงเขา ปีนป่ายทางชัน ระยะทางประมาณ 800 เมตร ขึ้นไปสู่ยอดเขาเทวดา ระหว่างทางมีการทำบันไดดินเป็นขั้นๆ มีเชือกให้จับเพื่อพยุงตัวและนำเส้นทาง ใครไหวก็เดินไปก่อน ถ้าไม่ไหวก็พักสักครู่แล้วไปต่อ พอขึ้นไปถึงด้านบนก็หายเหนื่อย พื้นที่เล็กๆ บนยอดเขาเทวดา ที่มีความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม ทิวเขาสลับซับซ้อนเขียวขจี มีทะเลหมอกบางๆ ปกคลุม ยืนรับลมเย็นๆ บนยอดเขาทำให้รู้สึกสดชื่นได้มากขึ้นจริงๆ

ทุ่งหญ้าสะวันนา เกาะพระทอง จ.กระบี่

ไปตะลุยทุ่งหญ้าสะวันนาบนเกาะกลางทะเลอันดามัน ที่ “เกาะพระทอง” จังหวัดกระบี่ บนเกาะแห่งนี้ถือว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพมาก เพราะมีทั้งหาดทราย ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าเสม็ด ทุ่งหญ้า และสัตว์นานาสายพันธุ์ ส่วนไฮไลท์ที่เด่นสุดของที่นี่ต้องยกให้ “ทุ่งหญ้าสะวันนา”

ราวเดือนธันวาคม-มกราคม เป็นช่วงที่เหมาะกับการมาชมทุ่งหญ้าสีทองแห่งนี้มากที่สุด เริ่มต้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง นั่งรถอีแต๊กฝ่าความมืดมิดเข้าไปในทุ่งหญ้ากว้าง เฝ้ารอแสงอาทิตย์ยามเช้าที่จะโผล่ขึ้นมาสาดส่องทุ่งหญ้าแห่งนี้ให้กลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามกว้างไกลสุดสายตา ให้บรรยากาศการออกไปตะลุยทุ่งหญ้าซาฟารี ตามหาสมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติ

ปราสาทหินพันยอด จ.สตูล

นับเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ในพื้นที่ของอุทยานธรณีโลกสตูลที่มีความสำคัญระดับโลก มีหลายๆ จุดที่แสดงให้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ ทั้งเทือกเขาหินปูน เกาะ ถ้ำ และชายหาดที่สวยงาม กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปัจจุบัน และอีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ “ปราสาทหินพันยอด” ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับ

ก่อนจะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาทหินพันยอด จะต้องมาที่เกาะเขาใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา แล้วพายเรือแคนูลอดผ่านช่องแคบๆ เข้าไปด้านใน การยกตัวของเปลือกโลกเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ทำให้หินในบริเวณนี้มีลักษณะเป็นยอดแหลมๆ นับพันยอดราวกับเป็นปราสาทขนาดใหญ่ ส่วนด้านล่างก็เป็นน้ำทะเลใสสะอาดสีเขียวมรกต ที่ช่วยขับเน้นหินสวยๆ รูปร่างแปลกตาให้โดดเด่นมากขึ้นไปอีก

เขาสก จ.สุราษฎร์ธานี

พูดถึง “เขาสก” ก็ต้องนึกถึงภาพภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ รูปร่างแตกต่างกันไป อยู่ท่ามกลางสายน้ำของเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ล่องเรือออกไปชมความงามของสายน้ำและป่าเขา ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติที่โอบล้อมรอบๆ กาย และกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา จะเป็นแบบวันเดย์ทริป หรือนอนพักเรือนแพสัมผัสความสงบเงียบ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา เพราะมีกิจกรรมให้เลือกหลายอย่าง ทั้งนอนดูดาว ล่องเรือยามเช้าชมทะเลหมอก หรือพายเรือแคนูออกกำลังกาย

นอกจากล่องเรือในเขื่อนแล้ว ก็ยังมีถ้ำสวยๆ ให้เข้าไปชมหินงอกหินย้อย เดินเข้าป่าขึ้นจุดชมวิวมุมสูง ที่สามารถมองเห็นผืนป่า ขุนเขา และสายน้ำ อีกกิจกรรมผจญภัยคือเส้นทางทางเดินศึกษาธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติเขาสก มีหลายเส้นทางให้เลือกตามความชอบของสายลุย แต่ไฮไลท์ที่สุดต้องยกให้การไปชมดอกบัวผุด ดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในไทยหาชมได้ที่เขาสกเท่านั้น

เสม็ดนางชี จ.พังงา

“เสม็ดนางชี” จุดชมวิวสวยสุดอันซีน ขึ้นไปชมวิวสวยๆ ในมุมสูง ที่มองออกไปแล้วจะเห็นความงดงามของธรรมชาติได้กว้างไกลสุดสายตาของอ่าวพังงาที่มีท้องทะเลเป็นพื้น ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ยิ่งในช่วงแสงสวยๆ ยามเช้าหรือยามเย็น ก็ยิ่งงดงามเหมือนภาพวาด

ใครที่อยากเต็มอิ่มกับวิวสวยๆ ที่เสม็ดนางชีตั้งแต่เช้าจรดค่ำคืน ด้านบนเสม็ดนางชีมีที่พักให้เลือก ทั้งแบบรีสอร์ทมีห้องพัก และแบบกางเต็นท์ มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่ออกมาชมวิวสวยๆ ได้ ตอนเย็นรอชมพระอาทิตย์ค่อยๆ ราแสง ส่วนยามเช้าเตรียมตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ตั้งกล้องรอพระอาทิตย์ขึ้น ค่อยๆ สาดแสงสีสวยตกกระทบผืนน้ำให้กลายเป็นสีทอง

ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จ.ยะลา

สุดยอดจุดชมวิวทะเลหมอกอีกแห่งของภาคใต้ต้องยกให้ “ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่นี่สามารถมาชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี บนจุดชมทะเลหมอกมีความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ออกจากเมืองเบตงมารอชมดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นภูเขา ขึ้นมาส่องแสงให้มองเห็นทะเลหมอกสวยๆ ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างทิวเขาเขียวขจี

จุดชมทะเลหมอกที่นี่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา มองไปรอบๆ ก็จะเห็นภูเขา ผืนป่าอุดมสมบูรณ์ วันไหนฟ้าเปิดมากๆ ก็มองได้ไกลถึงประเทศมาเลเซีย และรอคอยแลนด์มาร์กใหม่ สกายวอล์กทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่เป็นทางเดินยื่นออกไปให้ได้ชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด เหมือนยืนอยู่บนฟากฟ้า ลอยอยู่เหนือทะเลหมอกสุดสายตา

เที่ยวแบบธรรมชาติ พร้อมที่พักหลากหลายสไตล์  ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษ

สิทธิพิเศษบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ คลิก https://bit.ly/2CXO0fW

You may also like...